ย้ายสายมาได้ยังไง

Cover of ย้ายสายมาได้ยังไง

วันนี้มาสู่หัวข้อที่มีคน request เข้ามาประมาณนึงเลยว่า “ย้ายสายมาได้ยังไง” วันนี้นิลจะมาเล่าประสบการณ์คร่าว ๆ ครับ ไม่พูดพร่ำทำเพลงดีกว่า ไปลุยกันเล้ย!

ต้องเล่าย้อนไปสมัยตอนขึ้นปี 3 ครับ ตอนนั้นนิลก็ยังสมองโล่งอยู่ว่าจบไปแล้วจะทำอะไรดี เพราะการเรียนในภาค IE นั้นมันกว้างและสร้างทางเลือกอาชีพให้เราได้เยอะมาก (แต่ก็ทำให้คนหลงทางได้หลาย ๆ คนเลย) แต่พอดีเทอมนั้นมีวิชาเรียนวิชานึงชื่อว่า Computer And Information Technology for Industrial Engineer (COMP IT/IE) ซึ่งในวิชานี้จะได้เรียนอะไรเยอะมาก ๆ ทั้งเรื่องของ Diagram ต่าง ๆ (Use case, 3-NF, etc.), Network Layer รวมไปถึงการสร้างเว็บไซต์ด้วย HTML, php และการเขียน SQL เพื่อดึงข้อมูลออกมาจากฐานข้อมูล เรียกได้ว่าเรียนมันเกือบทุกอย่างเลยแหละ (แต่ไม่ลึกซักอย่าง)

ด้วยความที่อาจารย์เขาอยากให้นิสิตเข้าใจวิชากันมากขึ้น อาจารย์ก็สั่งโปรเจคกลุ่มเป็นให้ทำเว็บไซต์ที่ต้องมีการใช้สิ่งที่เรียนมาทั้งหมด โดยมีเวลาให้ 2 อาทิตย์นิด ๆ ตัวนิลและเพื่อนในกลุ่มก็มาคุยกันเพื่อจะแบ่งงานกันไปทำ จังหวะนี้แหละครับ จุดพลิกชีวิตเลย พอเพื่อน ๆ เห็นว่านิลพอเขียนได้ เพื่อน ๆ นิลบอกว่า “ไอนิล มึงทำวิชานี้ไปเลยนะ เดี๋ยวพวกกูไปช่วยวิชาอื่นให้มึงแทน” ใช่ครับ เพื่อน ๆ ผมไม่อยากมาเรียนรู้ Code กันเลยให้นิลจัดการทั้งโปรเจคคนเดียวเลย จากนั้นนิลก็เริ่มต้องศึกษาศาสตร์นี้ทั้งหมดเลยเพื่อปั้นโปรเจคนี้ให้รอดใน 2 อาทิตย์ด้วยตัวคนเดียวให้ได้ โชคดีที่คุณพ่อของนิลทำงานในสายงานนี้พอดี นิลเลยเอาของที่นิลสงสัยไปถามคุณพ่อแล้วก็สามารถพัฒนาโปรเจคเสร็จภายใน 2 อาทิตย์ได้โดยสวัสดิภาพ

จนช่วงจบปี 3 นิลไปฝึกงานแบบสหกิจศึกษา (ฝึกงาน 6 เดือนช่วง Summer ปี 3 ถึงปี 4 เทอม 1 และทำ Senior Project ร่วมกับทางบริษัท) ที่ True Digital Group ซึ่งจริง ๆ ต้องเข้าไปเป็น Data Scientist แต่ว่าพอตอนจะถึงวันที่ฝึกงานแล้ว ทางทีมที่รับไปเห็นว่าตอนที่นิลจะเข้าไปฝึกเข้าจะไม่มี Resource เวลามา Babysit ในเรื่อง Data ขนาดนั้น ด้วยความที่ทีมเขาเป็นทีมที่ทำ Web กับ App และมีแผนที่จะทำเว็บไซต์แพลตฟอร์มใหม่อยู่และก็เห็นนิลมี Profile เคยเขียนเว็บมาอยู่บ้าง เขาเลย Offer ให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็น Dev ไป ทีนี้ไอเราก็ชอบตอบรับทุกโอกาสที่เข้ามาซะด้วยสิ ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย ก็รับ Offer โดยที่ตอนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Dev คืออะไรด้วยซ้ำ 555555 เขาก็บอกให้เราไปเรียนมา 1 2 3 4 อย่าง นิลก็ตอบรับและกลับไปก้มหน้าก้มตาเรียนมาครับ สุดท้ายก็ได้ไปเขียนเว็บไซต์ที่ใช้ Nuxt 2 เป็น Frontend และใช้ Node.js + Express เป็น Backend (ขอไม่พูดถึงรายละเอียดของโปรเจคมาก) ทำเป็นโปรเจคระยะเวลา 6 เดือนที่ระหว่างทำก็ยิ่งตอกย้ำความชอบการได้แก้ไขปัญหาและการฝึกวิธีคิดมากขึ้น ด้วยสิ่งที่ประสบมาทั้งหมดทำให้นิลเลือกอยากที่จะทำงานในสายนี้ครับ

หลังจากจบฝึกงาน นิลก็เข้าสู่โค้งสุดท้ายของชีวิตมหาลัย (ปี 4 เทอม 2) เป็นเทอมที่ชิวมาก และด้วยความชิวทำให้นิลมีเวลาที่จะไปนั่งไถ LinkedIn, JobsDB หรือ Platform หางานอื่น ๆ เพื่อหางานในตำแหน่ง Software Engineer ได้มากกว่าคนอื่นเขา และก็ทำให้รู้ความจริงของโลกใบนี้ว่า บริษัทในไทยส่วนใหญ่จะรับคนที่ใช้ React เป็นหรือมีประสบการณ์ในการใช้ React ทีนี้ก็ว้าวุ่นอีกทีเลย เรียน Vue + Nuxt มาตลอด 55555 นิลก็เลยใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในระบบการศึกษานั่งเรียนพื้นฐาน React (ด้วยความที่มีและเริ่มทำเว็บไซต์ด้วย React แบบงู ๆ ปลา ๆ เสร็จไปเว็บนึง (ตอนนี้เว็บนั้นสูญสลายไปละ ไม่เหลือซากอารยธรรมให้ดูละอะสิ 555) แล้วพอเริ่มมีความมั่นใจก็เริ่มยื่นสมัครไปหลายที่ จนสุดท้ายได้มีโอกาสมาร่วมงานกับ Skooldio ครับ

สิ่งที่อยากชี้ให้เห็นคือ

  1. การวางแผนที่ดีย่อมทำให้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น จากในที่นิลเล่าไป จริง ๆ นิลวางแผนว่าจะฝึกงานแบบสหกิจศึกษาตั้งแต่เข้าไปในภาค IE แล้ว ทำให้พอนิลฝึกงานเสร็จ นิลมีเวลาในเทอม 2 เพื่อพุ่งไปยังเป้าหมายอาชีพที่ต้องการมากกว่าคนอื่น ๆ อยู่นิดนึงครับ
  2. การศึกษาตลาดแรงงานเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าตอนนั้นนิลคิดแค่ว่านิลเรียน Nuxt มาแล้วและนิลเอาประสบการณ์ Nuxt ไปหว่านหางานโดยที่ไม่ Skim ดูก่อนว่าส่วนใหญ่เขารับคนที่มีประสบการณ์ใน Framework/Library อะไร นิลอาจจะไม่ได้มานั่งเล่าเรื่องแบบนี้อยู่ก็ได้
  3. ทุกวิกฤต มีวิกฤตอยู่เสมอ และก็มีโอกาสอยู่เช่นกัน เช่นอย่างตอนที่เพื่อน ๆ นิลส่งงานวิชานี้มาให้นิลทั้งหมดแล้ว วิกฤตก็เกิดทันที และมันก็มีวิกฤตอยู่ในนั้นตลอดนะ 555 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในช่วงเวลาที่นิลปั่นงานวิชานี้ เพื่อน ๆ ก็ช่วยวิชาที่เหลือให้นิลและก็ชวนนิลเข้ากลุ่มติวแบบ One Night Miracle และนิลก็รอดมาได้ด้วยแหละ
  4. ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่นิลสามารถทำงานสายที่นิลไม่เคยทำมาก่อนได้อย่างราบรื่น อาจจะเป็นเพราะพี่เลี้ยงฝึกงานดี โปรเจคไม่มีความซับซ้อนขนาดนั้น แต่อีกอย่างนึงแน่ ๆ คือความสม่ำเสมอในการฝึกการเขียน/การพัฒนา Logic ให้ใช้บ่อย ๆ จนเราสามารถทำงานได้ และทำได้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

การเล่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นไปด้วยการเล่าเพียงมุมเดียว แต่จริง ๆ นิลก็เป็นเด็กธรรมดาคนนึงที่ชื่นชอบการเล่นเกมส์ ดูการ์ตูนแหละ นิลก็ไม่ได้ใช้เวลาแบบ Productive แบบ 100% 200% 300% ขนาดนั้น เวลาที่นิลเล่านิลก็เล่าส่วนที่มันเกี่ยวกับตัวเรื่อง ไม่ได้เล่าแบบ เวลา 100% นิลแบ่งไปทำอะไรบ้าง (เพราะจริง ๆ นิลก็ไม่ได้ Track ไว้เหมือนกัน) แต่ยังไงก็ดี ไม่อยากให้คนอ่านแล้วแบบเครียดว่าชั้นเตรียมตัวไม่ดีจัง ชั้นไม่เก่ง ทำไมนิลบริหารเวลาดี วางแผนดี จริง ๆ มันไม่เป็นแบบนั้น 100% นะครับ นิลก็เหลวแหลกประมาณนึงเหมือนกันแหละ

Posted: October 14, 2023

Related Posts

Cover of 2023 Year In Review

2023 Year In Review

เอาล่ะ จะปีใหม่แล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยตอนสิ้นปีคือ “Year In Review” ยังไงล่ะ ในปีนี้นิลก็ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตาม Blog ของนิลมาตลอด รวมถึงคนที่ Support นิลด้วยนะครับ วันนี้ที่นิลจะมาเล่าสิ่งที่เป็น Highlight ที่เกิดขึ้นกับนิลใน 1 ปีที่ผ่านมานะครับ จะเป็นยังไง ไปดูกันเล้ย!

experience-sharing

December 31, 2023

Cover of สีเหลืองเยลโล่ว 1 ปีกับ Skooldio

สีเหลืองเยลโล่ว 1 ปีกับ Skooldio

รู้สึกแปลก ๆ กับการมาเล่าเรื่องแบบนี้แฮะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะ ชื่อนิลนะครับ ตอนนี้เป็น Software Engineer ที่ Skooldio และก็อย่างที่ชื่อบทความเขียนไว้เลย ผมเพิ่งทำงานครบ 1 ปีพอดีเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การทำงานของตัวเอง แต่อาจจะเกริ่น Background ตัวเองซักนิดนึงนะครับ

experience-sharing

June 17, 2023

Cover of เที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไต้หวัน

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไต้หวัน

สวัสดีครับ ปีนี้เป็นครั้งแรกที่นิลเดินทางออกนอกประเทศคนเดียวและประเทศที่นิลไปคือไต้หวันครับ โดยเป้าหมายหลักของการไปในครั้งนี้ของนิลคือการไป WordCamp Asia 2024 และไปคลายเครียดครับ ซึ่งช่วงก่อนหน้าที่นิลจะไปนั้น งานทับตัวมากครับ นิลไม่ได้มีเวลาทำแผนยาว ๆ เลย นิลเลยเลือกการใช้ผู้ช่วยส่วนตัวของนิลในการวางแผนนั่นคือ “ChatGPT” นั่นเอง ทริปนี้จะชิบหายแค่ไหน ไปดูกันครับ

experience-sharing

March 30, 2024