แค่เริ่มก็ชนะแล้ว

Peeranat Danaidusadeekul

Peeranat Danaidusadeekul

September 9, 2023

แค่เริ่มก็ชนะแล้ว

คำพูดนี้นิลได้มาจากพี่ที่นิลไปปรึกษาเรื่องการเขียน Blog มานะครับ ได้ยินครั้งแรกมันรู้สึกทรงพลังมากเลยครับ แบบเอาว่ะ แค่เริ่มก็ชนะแล้ว แต่นิลค่อนข้างแปลกใจที่หลังจากที่นิลได้รับคำพูดนี้มานั้น ในวันต่อมานิลก็ได้รับคำพูดนี้จากพี่อีกคนนึง แล้วแค่เริ่มก็ชนะจริงไหม เรามาดูกันดีกว่าครับ

ตอนนิลได้ยินครั้งแรกนิลรู้สึกว่ามันเท่นะ แต่ก็แอบประหลาดใจนิด ๆ แบบงงว่าคำนี้มันมาจากไหน แล้วรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นคำพูดที่ให้กำลังใจเฉย ๆ หรือเปล่านะ หรือว่าแค่แบบคำพูดติดปากเฉย ๆ นิลเลยกลับมาลองคิดว่าที่นิลลองเริ่มเขียนมาทั้งหมดนั้น มันชนะอะไรบ้าง นิลลอง List เล่น ๆ ออกมาดูได้ประมาณนี้ครับ

  1. ชนะความกลัวของตัวเอง: ได้ลองเขียนบทความจากที่ตอนแรกกล้า ๆ กลัว ๆ ในเรื่องของการสื่อสาร กลัวว่าจะพิมพ์ให้คนอื่นอ่านไม่รู้เรื่อง กลัวการแสดงทัศนะของตัวเองออกไป หลังจากเขียนไปเรื่อย ๆ ก็มีความกล้าที่จะสื่อสารมากขึ้น
  2. ชนะความขี้เกียจ: ตอนนี้หลังจากที่ตั้งปณิธานกับตัวเองแล้วว่าจะทำออกมาเป็น Bi-weekly content นิลก็สามารถทำให้มันเสร็จในเวลาได้ โดยที่มันไม่ใช่การทำชุ่ย ๆ หรือส่งเดชให้เสร็จแต่มันยังเป็นความรู้สึกที่อยาก Share ให้คนอื่น ๆ จริง ๆ

บางทีคนอ่านมาตรงนี้อาจจะแบบรู้สึกว่า โห่ ชนะแค่เนี้ย โคตรจิ๊บจ๊อยเลย แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วบางทีเราอาจจะต้องการการชนะทีละนิดไปเรื่อย ๆ มากกว่าการรอ Huge Win ที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงเราเมื่อไหร่นะครับ สิ่งนี้อาจจะคล้าย ๆ กับตอนที่นิลเขียนเรื่องความกลัวกับเวลาและโอกาสนะครับ ว่าการที่เราประวิงเวลาไปเรื่อย ๆ โดยที่มันเป็นการรอสิ่งที่มันอาจจะไม่มาถึงเนี่ย เราเสียเวลาไปมากเลยนะครับ และสุดท้ายคนที่เลือกที่จะชนะจิ๊บจ๊อยอย่างที่คุณว่า เขาอาจจะรู้สึกว่าเขาประสบความสำเร็จหรือมีความสุขมากกว่าคนที่รอ Huge Win ก้อนโตก็ได้ครับ นอกจากนี้การที่เราชนะไปเรื่อย ๆ มันเหมือนเรามี Progress ไปเรื่อย ๆ อะครับ เราอาจจะกำลัง Approach เส้นชัยหรือสิ่งที่คนที่เขารอ Huge Win ปรารถนาอยู่ก็ได้ครับ

สุดท้ายนิลอาจจะมา Share อีกซักเล็กน้อยนะครับว่าจากการที่นิลลองเขียนบทความมา 4-5 บทความเนี่ย นิลได้อะไรจากการทำบ้าง

  1. ได้สร้างเสริมวินัย: อย่างที่บอกว่านิลได้ Commit กับตัวเองไว้ว่าจะเขียนบทความเป็น Bi-Weekly นิลก็สามารถ Stock หัวข้อบทความและเอาแต่ละหัวข้อมาเขียนในกรอบเวลาที่กำหนดได้ // ทำหน้าภูมิใจเล็กน้อย <(˶ᵔᵕᵔ˶)>
  2. ฝึกการคิดอย่างเป็นกระบวนการ: นิลเชื่อว่าถ้านิลสามารถเขียน Blog แบบยาวลงมาเป็นพรืดได้โดยที่หัวข้อกับเรื่องราวที่จะสื่อมันถูกต้องหมด กระบวนการการคิดของนิลน่าจะถูกต้องและสามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้อย่างรู้เรื่องและถูกต้อง
  3. ฝึกการเขียนในภาษาเขียน: นิลรู้สึกว่ามีน้อยครั้งมากที่คนเราจะโดน Assign ให้เขียนภาษาเขียนและเมื่อถูก Assign มาก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะทำเพราะเราไม่ได้เขียนภาษาในเชิง/แง่มุม/ระดับภาษาการเขียนบ่อยครับ ซึ่งนิลคิดว่าถ้าเขียนบ่อย ๆ ก็น่าจะทำให้เราได้ฝึกตรงนี้ไป
  4. ได้ลอง Share มุมมอง/แง่คิด/ประสบการณ์ในมุมมองของตัวเอง: หลาย ๆ คนอาจจะมีความรู้สึกว่าอยาก Share แต่ไม่มีพื้นที่/ความกล้าพอที่จะ Share นิลรู้สึกว่านิลแค่มาลอง Share และหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับคนที่มาอ่านไม่มากก็น้อยแหละ

นอกจากฝั่ง Blog ที่เป็นบทความ ในส่วนเว็บไซต์นิลก็มีโอกาสได้ลองเล่น Libraries/Tools ใหม่ ๆ ที่อยากจะไปลองเล่นแต่อาจจะไม่มีโอกาสใน Project ของบริษัท ก็ได้เอามาลองเล่นบ้าง เช่น @shadcn/ui, Astro, trpc และอื่น ๆ ที่อาจจะเอามาใส่ในอนาคต ซึ่งถ้านิลไม่คิดอุตริเขียน Blog เนี่ย นิลอาจจะไม่ได้มีโอกาสเหล่านี้


จบไปอีก Blog ครับ ช่วงนี้นิลเหมือนชีวิตติด Loop นิดนึง หลังจากที่ Blog เป็น Bi-Weekly แล้วมีความอยากลองเล่น Libraries/Tools ต่าง ๆ ก็จะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ในการเพิ่ม Feature และอีก 1 อาทิตย์ในการเขียนและ Proof Read อาจจะต้องหาเวลาหรือทำ Time Blocking ให้ดีกว่านี้ละ เพื่อให้ไม่รู้สึกว่ามัน Loop จนเกินไป ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ มี Feedback อะไรก็สามารถทักมาได้ IG, LinkedIn ทักมาได้หมดเลยครับ อยากได้ Feedback เยอะ ๆ จะได้นำไปพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นครับ ครบ 10 บทความแล้วเดี๋ยวมา Redesign Web นะครับ ตอนนี้เอาง่ายไว้ก่อน ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากครับ

ขอให้สนุกกับการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ นะครับ

นิล

Share: