พร้อมแค่ไหนถึงจะยื่นสมัครงาน?

Cover of พร้อมแค่ไหนถึงจะยื่นสมัครงาน?

ตอนที่ยื่นสมัครงานครั้งแรก รู้สึกต้องพร้อมแค่ไหน ถึงยื่นสมัครงาน

คนเรียน Bootcamp ท่านหนึ่ง

พอดีนิลได้มีโอกาสไปเป็น TA ให้กับ Web Development Bootcamp ของ Skooldio และนี่เป็นคำถามที่นิลได้จากคนเรียน Bootcamp ที่นิลในตอนนี้รู้สึกว่าตอบง่ายมากครับ เพราะในตอนที่นิลเริ่มสมัครงานครั้งแรก นิลก็เป็นแค่เด็กที่จบวิศวะ อุตสาหการคนนึง ที่เพิ่งผ่านการฝึกงานในตำแหน่ง Full Stack Developer มา 6 เดือนและทำ Project ส่วนตัวมานิดหน่อยและย้ายสายไปฝั่ง Software ทันทีหลังเรียนจบเลย งั้นต้องพร้อมแค่ไหน ไปค้นหาความพร้อมกันเลยครับ

ย้อนไปสมัยหนุ่ม ๆ ของนิล

ในตอนที่นิลยื่นสมัครงานครั้งแรก นิลก็เจอแนวคิดแบบนี้เหมือนกันครับ ตอนนั้นนิลมีประสบการณ์ฝึกงานในตำแหน่ง Full Stack Developer มา 6 เดือนทำให้นิลรู้สึกว่ามีแต้มต่อกว่าคนอื่น แต่นิลก็ติดกับแนวคิดความพร้อมเหมือนกับสมัยสอบมหาลัยฯ ว่าเราต้องพร้อมที่สุดเพื่อที่จะทำได้ เพื่อจะเก่งเจ๋ง ผนวกกับตอนนั้นที่นิลทำมา นิลเขียนเว็บด้วย VueJS ครับ แต่ส่วนใหญ่บริษัทในไทยจะรับสมัครแต่คนที่ใช้ ReactJS นิลเลยรู้สึกไม่พร้อมเท่าไหร่ นิลเลยไปนั่งเรียน React เพิ่ม ทำ Project เพิ่ม ทำไม่ได้ตรงไหนก็ทำเพิ่มเรียนเพิ่ม วนลูปอยู่นั่นแหละครับ และก็เกิดวุฒิปัญญาขึ้นมาได้ที่จุดนึงครับว่าการรอให้พร้อม 100% อาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ พอนิลคิดได้แบบนั้น นิลที่พอมีพื้นฐานจุดนึงแล้ว นิลก็เริ่มสมัครงานเลยซึ่งในแต่ละที่ที่นิลสมัครไป พอผ่าน Process ของเขาเสร็จ นิลจะเห็นจุดที่นิลยังไม่โอเค ยังปรับปรุงได้อยู่ นิลก็นำมาปรับปรุงและนำไปพัฒนาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายนิลก็แก้ไขมันมาเรื่อย ๆ และผ่านการสัมภาษณ์รวมถึงได้เข้าทำงานที่ Skooldio Tech ครับ

มุมมองของนิลต่อคำถามนี้

ในมุมของนิลแล้ว การที่จะบอกว่าเก่งแค่ไหน พร้อมแค่ไหนถึงจะพอ นิลว่ามันยากมากเลยที่จะตอบ Exact Point ของความพร้อม กว่าที่เราจะรู้สึกว่าพร้อมที่สุด อาจจะเป็นวันที่ไม่เหลือโอกาสอะไรแล้วหรือมันอาจจะไม่เคยมาถึงก็ได้ รวมถึงจากที่ผ่าน ๆ มา นิลจะเห็นหลาย ๆ คน Self Doubt ในตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่เจ๋ง แล้วก็จะงมมันอยู่อย่างงั้นแหละ ซึ่งในมุมนิลก็คิดว่าอาจจะเป็นการดีที่รู้ว่าตัวเองยังไม่เก่งเจ๋ง แต่อาจจะเป็นการใช้เวลางมกับความคิดของตัวเองนานเกินไปจนทำให้พลาดโอกาสดี ๆ ไปได้ ดังนั้นในมุมของนิล ถ้าเรารู้สึกมั่นใจประมาณนึง เราก็อาจจะยื่นสมัครงานไปก่อนได้เลย แล้วพอเราไปเจอสถานการณ์จริงแล้ว เราจะรู้เองว่าเราไม่พร้อมตรงไหน และค่อย ๆ ปรับเพื่อเป็น Better Version ในครั้งถัด ๆ ไป หรือว่าถ้ามีเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งงานนั้น ๆ อาจจะลองถามว่าในตำแหน่งงานนั้น ๆ มีเรื่องอะไรที่เราต้องรู้เพื่อทำมันได้ไหม ถ้าเราคิดว่าเรารู้และเข้าใจสิ่งเหล่านั้นประมาณนึงแล้ว อาจจะไปลองเลยก็ได้ครับ ให้เรื่องปวดหัวเป็นเรื่องของ HR ครับ ตัวเราอย่าไปคิดมากในจุดนี้เลย เราแค่ทำหน้าที่ของเราในฐานะผู้สมัครคนนึงให้ดีที่สุดพอครับ แต่อย่ากลัวที่จะยื่นพอครับ

ถ้าจะสมัครงานแล้ว มีอะไรที่ต้องดูอีก

อีกอย่างนึงที่เราควรทำคือดูว่าเราอยากเข้าบริษัทไหนและบริษัทนั้น ๆ เขามี Expectation ต่อคนที่มาสมัครยังไง และเรามี Expectation ต่อการทำงานยังไง เช่น เรา Expect ว่าเราจะทำงานชิว ๆ แอค ๆ แต่ว่าบริษัทที่เราสมัครไปเขามี Expectation ว่าอยากได้คนเทพ ๆ ทำงานเดือด ๆ เราก็อาจจะไม่ตรงกับ Expectation ของเขาครับ ซึ่งอย่างที่นิลเคยเขียนไปใน Blog “การ Set Expectation ในการทำงาน” แหละครับ ทั้ง 2 ฝั่งก็ควรจะมี Expectation ที่ตรงกัน ถึงจะ Happy ทั้ง 2 ฝั่งครับแหละ

บางทีเราอาจจะลองตั้งคำถามอีกแบบนึงล่ะ

ถ้าสมมติเราตั้งคำถามว่าเราต้องพร้อมหรือต้องเก่งแค่ไหน อาจจะทำให้เราเกิดความ Self Doubt ในตัวเองประมาณนึงครับ ถ้าลองเปลี่ยนเป็นคำถามว่า “บริษัทไหนอยากจะรับเรา” อาจจะเป็นการกลับมานั่ง Reflect กลับตัวเองก็ได้ครับว่าทำไมบริษัทนั้น ๆ ถึงอยากรับหรือไม่อยากรับเราเข้าไปทำงาน อันนี้น่าจะเป็นจุดที่เราสามารถจัดการกับจุดที่เรามองว่าเรายังไม่ดีพอสำหรับแต่ละบริษัทและก็ลับคมให้ดีสำหรับจุดที่เรามองว่าเราเก่งเจ๋งอยู่แล้ว คำถามที่เปลี่ยนไปอาจจะช่วยเปลี่ยนมุมมองจากการตั้งคำถามในตัวเองเป็นคำถามเพื่อการพัฒนาตัวเองได้เลยครับ


จบไปแล้วนะครับ Blog นี้เป็น Blog ที่มีคนมาช่วยนิลคิดเยอะมาก คือบอกตรง ๆ ว่าถึงกลางคันของการเขียนแล้ว นิลคิดไม่ออกว่าจะเล่าสิ่งนี้ยังไงต่อ แต่จนแล้วจนรอดเมื่อวานก็มีพี่ที่ออฟฟิศนิลมาช่วยนิล Unlock ความคิดกับแนะนำหัวข้อเพิ่มเติมมาจนนิลเขียนจบได้ครับ กราบไหว้สุด ๆ มีคอนเทนต์ในหัวเยอะแต่ว่าคิดไม่ออกว่าแต่ละหัวข้อจะเล่ายังไงดี เดี๋ยวจะค่อย ๆ ปรับเรื่อย ๆ ครับ ยังไงก็ขอบคุณทุก ๆ คนที่อ่านกันมาถึงจุดนี้มากครับ มี Feedback กันยังไงก็บอกกันได้ครับ จะพยายามเอาไปปรับปรุงครับ 🙂

– นิล –

Posted: April 20, 2024

Related Posts

Cover of 2023 Year In Review

2023 Year In Review

เอาล่ะ จะปีใหม่แล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยตอนสิ้นปีคือ “Year In Review” ยังไงล่ะ ในปีนี้นิลก็ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตาม Blog ของนิลมาตลอด รวมถึงคนที่ Support นิลด้วยนะครับ วันนี้ที่นิลจะมาเล่าสิ่งที่เป็น Highlight ที่เกิดขึ้นกับนิลใน 1 ปีที่ผ่านมานะครับ จะเป็นยังไง ไปดูกันเล้ย!

experience-sharing

December 31, 2023

Cover of สีเหลืองเยลโล่ว 1 ปีกับ Skooldio

สีเหลืองเยลโล่ว 1 ปีกับ Skooldio

รู้สึกแปลก ๆ กับการมาเล่าเรื่องแบบนี้แฮะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะ ชื่อนิลนะครับ ตอนนี้เป็น Software Engineer ที่ Skooldio และก็อย่างที่ชื่อบทความเขียนไว้เลย ผมเพิ่งทำงานครบ 1 ปีพอดีเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การทำงานของตัวเอง แต่อาจจะเกริ่น Background ตัวเองซักนิดนึงนะครับ

experience-sharing

June 17, 2023

Cover of เที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไต้หวัน

เที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไต้หวัน

สวัสดีครับ ปีนี้เป็นครั้งแรกที่นิลเดินทางออกนอกประเทศคนเดียวและประเทศที่นิลไปคือไต้หวันครับ โดยเป้าหมายหลักของการไปในครั้งนี้ของนิลคือการไป WordCamp Asia 2024 และไปคลายเครียดครับ ซึ่งช่วงก่อนหน้าที่นิลจะไปนั้น งานทับตัวมากครับ นิลไม่ได้มีเวลาทำแผนยาว ๆ เลย นิลเลยเลือกการใช้ผู้ช่วยส่วนตัวของนิลในการวางแผนนั่นคือ “ChatGPT” นั่นเอง ทริปนี้จะชิบหายแค่ไหน ไปดูกันครับ

experience-sharing

March 30, 2024