มาต่อกับอีก 1 Session ของพี่ส่ง Product Developer แห่งทีม LeSSExample ที่จะพาทุกคนมารู้จักกับ LeSSExample ให้มากขึ้นครับ
- LeSSExample คือ LeSS + Example เดี๋ยวอธิบายแต่ละอันให้ฟัง
- ก่อนจะรู้จัก LeSS ต้องรู้จัก Scrum ก่อน
- ตามหลักของ Scrum จะดีจะแย่ เรารู้ตัวก่อนเสมอ
- ในทีม Scrum 1 ทีมประกอบไปด้วย Product Owner, Scrum Master, Team แต่ละคนมีศักดิ์เท่ากันแต่มี Focus แตกต่างกันไป
- Product Owner (PO) จะเป็นคนที่ต้อง Focus เรื่องของ Return of Investment
- PO ยังต้องเลือกและตัดสินใจว่าจะให้ Team แก้ปัญหาอะไร ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร และทำแล้วได้ Value อะไร
- Team เป็นคนที่ต้อง Focus เรื่อง Solution จาก Business Requirement นี้ จะไปทางไหนได้บ้าง ใช้ Effort เท่าไหร่
- Team ต้องรับผิดชอบ Solution ที่ตัวเองเลือกด้วย เช่น ถ้าเลือก Deploy เย็นวันศุกร์ เสาร์เว็บบึ้ม Team ต้องมาแก้ให้เว็บใช้งานได้ในวันเสาร์ด้วย
- Scrum Master เป็นคนที่ Focus ว่าจะทำยังไงให้ Scrum มัน Work สำหรับคนทั้งองค์กร และทำยังไงให้ PO ทำงานร่วมกับทีมได้
- นอกจากนี้ Scrum Master ยังต้องเป็นคนหาว่าเราสามารถปรับเปลี่ยนอะไรในเชิงโครงสร้างองค์กรได้ไหม เพื่อทำให้ทีมแสดงศักยภาพได้มากที่สุด
- LeSS คือการเอา Scrum มาใช้ในภาพใหญ่ขึ้น ซึ่งรองรับ Scrum 2-8 ทีม
- ส่วนคำว่า Example คือทำให้เป็นตัวอย่างแหละ
- เอามารวมกันเลยแปลว่าเดี๋ยวเราทำ LeSS ให้เป็นตัวอย่างนะน้อนๆ 5555555
- LeSSExample ประกอบไปด้วย 3 Scrum Team และมี 1 Backlog ร่วมกัน
- LeSSExample เคยอยากทำ Product การเงินชื่อว่า “ออม” ซึ่งมี Target Group เป็น Freelance แบบชาว ODDS| นี่แหละ แต่ทีมไม่มี Domain Knowledge เกี่ยวกับ Investment Product
- ทีมเลยไปรับ Turnkey Project เกี่ยวกับ Investment เพื่อเติม Domain Knowledge และหา Revenue Stream เพื่อเอาไปทำ Investment Product ที่อยากทำ
- ตอนนี้ทีมทำอยู่ 13 Projects ซึ่งรวมกันเป็น Backlog ที่มีชื่อ Investment Product
- อีก 1 Ceremony ที่เกิดใน LeSS ที่น่าสนใจคือ Product Backlog Refinement (PBR) เป็น Session ที่เราจะพา Team พยายามเข้าใจปัญหาที่ PO ต้องการให้ Team แก้
- Session นี้จะเป็นการแบ่ง Team ออกเป็น Mixed-up Group คือคละ ๆ คนจากแต่ละทีมแหละ
- เสร็จแล้ว Scrum Master ก็จะบอก Goal ที่ PO ต้องการและให้ Team เข้า Process ของ PBR
- ขั้นแรกเรียกว่า Diverge ซึ่งใช้เวลา 20 นาทีคือให้แต่ละ Mixed-up Group หยิบการ์ด ถอดความเป็น Technical ออกและพยายามทำความเข้าใจมุมลูกค้า หรือถ้าเป็น Product ใหม่ ก็พยายามทำความเข้าใจ Journey ของลูกค้า เมื่อเสร็จแล้วให้จดว่าใครบ้างที่อยู่ใน Mixed-up Group ของตนลงในการ์ดใบนี้
- ในช่วง Diverge ถ้ามีคำถามสงสัยเราสามารถคุยกับ PO เพื่อเอาข้อมูลเพิ่มเติม หรือถ้าสงสัยจุดไหนที่เป็น Requirement ลูกค้า สามารถคุยกับลูกค้าได้โดยตรง
- จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปนั่นคือ Merge ซึ่งจะใช้เวลา 10 นาที โดยเราจะเอา Mixed-up Group ทุกกลุ่มมารวมกัน และสุ่มคนมาเล่าการ์ดที่เพิ่งถูก Refine มา
- ซึ่งถ้าสมมติมีคนที่มี Domain Knowledge เกี่ยวกับการ์ดที่กำลังถูกพูดถึงอยู่ก็สามารถเสริมให้กับคนที่กำลังเล่าได้
- จากนั้นเราจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 ของ PBR นั่นคือ Repeat ก็คือเราจะวนกลับไป Diverge กับ Merge เรื่อย ๆ
- ส่วนใหญ่แล้ว PBR จะเกิดขึ้นวันพุธที่ 2 ของ Sprint และใช้เวลา Session ละ 2 ชั่วโมง
- หลังจากที่จบ PBR ทีมจะกล้าเคลมได้ว่าทุกคนในทีมเข้าใจ Backlog Item ที่ผ่าน Process นี้ไปได้
- ปัจจุบันทีม LeSSExample ยังเปิดให้คนภายนอกสามารถเข้ามาดูได้ว่าทีมทำงานกันยังไง โคตรโหดโคตรอันตราย
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วสนใจเข้าไปศึกษา LeSS จากทีม LeSSExample สามารถติดต่อไปได้ที่ https://lessex.odds.team/